ระดับภาษา
ใบความรู้ เรื่องระดับภาษา
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ระดับของภาษา
การใช้ภาษาขึ้นอยู่กับกาลเทศะ
สถานการณ์ สภาวะแวดล้อม และสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ซึ่งอาจแบ่งภาษาเป็นระดับต่างๆได้หลายลักษณะ เช่น (ภาษาระดับที่เป็นแบบแผนและไม่เป็นแบบแผน),(ภาษาระดับพิธีการ
ระดับกึ่งพิธีการ ระดับไม่เป็นทางการ) ในชั้นเรียนนี้
เราจะชี้ลักษณะสำคัญของภาษาเป็น ๕ ระดับ ดังนี้
๑. ระดับพิธีการ
ใช้สื่อสารกันในที่ประชุมที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ได้แก่ การประชุมรัฐสภา การกล่าวอวยพร
การกล่าวต้อนรับ การกล่าวรายงานในพิธีมอบปริญญาบัตร ประกาศนียบัตร
การกล่าวสดุดีหรือการกล่าวเพื่อจรรโลงใจให้ประจักษ์ในคุณความดี การกล่าวปิดพิธี
เป็นต้น ผู้ส่งสารระดับนี้มักเป็นคนสำคัญสำคัญหรือมีตำแหน่งสูง
ผู้รับสารมักอยู่ในวงการเดียวกันหรือเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่
สัมพันธภาพระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารมีต่อกันอย่างเป็นทางการ
ส่วนใหญ่ผู้ส่งสารเป็นผู้กล่าวฝ่ายเดียว ไม่มีการโต้ตอบ
ผู้กล่าวมักต้องเตรียมบทหรือวาทนิพนธ์มาล่วงหน้าและมักนำเสนอด้วยการอ่านต่อหน้าที่ประชุม
๒. ภาษาระดับทางการ
ใช้บรรยายหรืออภิปรายอย่างเป็นทางการในที่ประชุมหรือใช้ในการเขียนข้อความที่ปรากฏต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ
หนังสือที่ใช้ติดต่อกับทางราชการหรือในวงธุรกิจ
ผู้ส่งสารและผู้รับสารมักเป็นบุคคลในวงอาชีพเดียวกัน
ภาษาระดับนี้เป็นการสื่อสารให้ได้ผลตามจุดประสงค์โดยยึดหลักประหยัดคำและเวลาให้มากที่สุด
๓. ภาษาระดับกึ่งทางการ
คล้ายกับภาษาระดับทางการ แต่ลดความเป็นงานเป็นการลงบ้าง
เพื่อให้เกิดสัมพันธภาพระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารซึ่งเป็นบุคคลในกลุ่มเดียวกัน
มีการโต้แย้งหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นระยะๆ
มักใช้ในการประชุมกลุ่มหรือการอภิปรายกลุ่ม การบรรยายในชั้นเรียน ข่าว
บทความในหนังสือพิมพ์ เนื้อหามักเป็นความรู้ทั่วไป ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
กิจธุระต่างๆ รวมถึงการปรึกษาหารือร่วมกัน
๔. ภาษาระดับไม่เป็นทางการ
ภาษาระดับนี้มักใช้ในการสนทนาโต้ตอบระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคลไม่เกิน ๔-๕ คนในสถานที่และกาละที่ไม่ใช่ส่วนตัว อาจจะเป็นบุคคลที่คุ้นเคยกัน
การเขียนจดหมายระหว่างเพื่อน การรายงานข่าวและการเสนอบทความในหนังสือพิมพ์
โดยทั่วไปจะใช้ถ้อยคำสำนวนที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยกันมากกว่าภาษาระดับทางการหรือภาษาที่ใช้กันเฉพาะกลุ่ม
เนื้อหาเป็นเรื่องทั่วๆไป ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
กิจธุระต่างๆรวมถึงการปรึกษาหารือหรือร่วมกัน
๕. ภาษาระดับกันเอง
ภาษาระดับนี้มักใช้กันในครอบครัวหรือระหว่างเพื่อนสนิท
สถานที่ใช้มักเป็นพื้นที่ส่วนตัว เนื้อหาของสารไม่มีขอบเขตจำกัด
มักใช้ในการพูดจากัน ไม่นิยมบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรยกเว้นนวนิยายหรือเรื่องสั้นบางตอนที่ต้องการความเป็นจริง (การแบ่งภาษาดังที่กล่าวมาแล้วมิได้หมายความว่าแบ่งกันอย่างเด็ดขาด
ภาษาระดับหนึ่งอาจเหลื่อมล้ำกับอีกระดับหนึ่งก็ได้)
ระดับภาษา
|
โอกาสและสถานที่
|
ลักษณะภาษาที่ใช้
|
1.พิธีการ
|
การเปิดประชุม กล่าวรายงาน
กล่าวสุนทรพจน์ กล่าวต้อนรับ กล่าวอวยพร
|
มีลักษณะพิธีรีตอง ภาษาไพเราะ
สละสลวย
|
2.ทางการ
|
การอภิปรายหรือการประชุม
รายงานวิชาการ ประกาศทางการ จดหมายราชการ จดหมายกิจธุระ
|
ภาษาทางการ ถ้อยคำตรงไปตรงมา
มีศัพท์เทคนิค หรือศัพท์วิชาการบ้าง
|
3.กึ่งทางการ
|
การประชุมกลุ่มย่อย การอภิปราย
การเสวนา การบรรยายในห้องเรียน
|
ใช้ภาษาเขียนแต่มีภาษาพูดแทรกอยู่บ้าง
|
4.ไม่เป็นทางการ
|
บทความแสดงความคิดเห็นในนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์
รายการสาระบันเทิงทางโทรทัศน์ การปรึกษาหารือกัน
|
ใช้ภาษาพูดและสุภาพ
การสนทนาโต้ตอบไม่เกิน 5 คน ในสถานี่ใม่ใช่ส่วนตัว
|
5.กันเอง
|
การสนทนาเรื่องส่วนตัว
การทักทายระหว่างเพื่อนสนิท
|
ใช้ภาษาพูด อาจมีคำคะนองหรือภาษาถิ่น
ใช้ในวงจำกัด
|
ปัจจัยที่กำหนดระดับภาษา
๑. โอกาสและสถานที่ ปัจจัยที่ทำให้ใช้ภาษาต่างระดับกันอยู่ที่โอกาสและสถานที่ ถ้าสื่อสารกับบุคคลกลุ่มใหญ่ในที่ประชุมก็จะใช้ภาษาระดับหนึ่ง ถ้าพูดกัน ในตลาดร้านค้าภาษาก็ต่างระดับกันออกไป
๒. สัมพันธภาพระหว่างบุคคล บุคคลมีสัมพันธภาพ หลายลักษณะ เช่น บุคคลที่ไม่เคยรู้จัก บุคคลที่เพิ่งรู้จัก บุคคลที่เป็นเพื่อนสนิท นี่ก็เป็นปัจจัยให้ใช้ภาษาต่างระดับกัน แต่อย่างไรก็ตามต้องยึดหลักพิจารณาโอกาสและสถานที่ด้วย
๓. ลักษณะของเนื้อหา เนื้อหาย่อมขึ้นอยู่กับโอกาสไม่น้อย เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ก็ไม่น่าไปใช้กับภาษาระดับทางการ
๔. สื่อที่ใช้ในการสื่อสาร สื่อที่ใช้ก็ทำให้ภาษาเปลี่ยนระดับได้ เช่น จดหมายปิดผนึกกับไปรษณียบัตร ระดับภาษาที่ไม่ต้องตรงกัน เมื่อพูดด้วยปากกับพูดด้วยเครื่องขยายเสียงหรือพูดทางวิทยุ ทางโทรทัศน์ ระดับภาษาที่ใช้ย่อมแตกต่างกัน
เมื่อนักเรียนศึกษาใบความรู้เสร็จแล้วให้ทำแบบฝึกหัดส่งครูด้วยนะคะ
ใบงานที่ ๖.๑ เรื่องการวิเคราะห์ระดับภาษา
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำสั่ง ให้นักเรียนวิเคราะห์ข้อความต่อไปนี้ แล้วเลือกใส่ระดับภาษาให้เหมาะสม
ระดับพิธีการ ระดับทางการ ระดับกึ่งทางการ
ระดับไม่เป็นทางการ ระดับกันเอง
๑. “ขอพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราช
จงคุ้มครองประเทศชาติและประชาชาวไทยให้ผ่านพ้นภิบัติทั้งปวง
อริราชศัตรูภายนอกอย่าล่วงเข้าทำอันตรายได้
ศัตรูหมู่พาลภายในให้วอดวายพ่ายแพ้ภัยตัว
บันดาลความสุขความมั่นคงให้บังเกิดทั่วมณฑล
บันดาลความร่มเย็นแก่อเนกนิกรชนครบคามเขตขอบขัณฑสีมา”
..............................................................................................................................................
๒. “ช่วงเรียนอยู่ในระดับมัธยม
ผู้ที่มีความขยันมุ่งมั่นจะเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ จะไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบกายทั้งสิ้น
ยกเว้นสิ่งที่เขาคิดว่าจะสามารถทำให้เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
ชีวิตนักเรียนมัธยมจึงมีแต่ติว ติว และติว
กีฬาฉันไม่เล่น กิจกรรมฉันไม่มีเวลาทำ และยิ่งห้องสมุด
ฉันไม่ทราบว่าจะเข้าไปทำไม
เพราะเวลาทั้งหมดจะต้องใช้ท่องตำราอย่างเดียว
แล้วก็มักจะประสบ-ความสำเร็จตามที่คิดเสียด้วยคือสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”
................................................................................................................................................
๓. “เฮ้ย! ใครเอาหมาตายมาโยนไว้ในวัดวะ
เหม็นวายร้ายเลย” อีกคนหนึ่งค้านว่า “ข้าไม่เห็น มีหมานี่หว่า” แหงนหน้าขึ้นทำจมูกย่น “ปู่บุญแกคงทำกับข้าวทิ้งไว้จนบูดเหม็นเน่าล่ะมั้ง”
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
๔. “แพทย์หญิงรุ่นพี่นี้หนังเหนียวดีจริง แก่เร็วตายยากกว่าแพทย์ชายถึง
๒ เท่า แพทย์รุ่นนี้ชอบกลที่พญามัจจุราชชอบแพทย์ชายมากกว่า
ผิดปกติจริงๆ แพทย์ชายตายไปแล้ว ๑๒ คน
แพทย์หญิงตายไปเพียง ๒ คน”
..................................................................................................................................................
๕. “บทละครไทยเป็นอีกรูปเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของวรรณกรรมไทย บทละครของไทยเป็นวรรณกรรมที่ประพันธ์ขึ้นทั้งเพื่ออ่านและเพื่อแสดง รูปแบบที่นิยมกันมาแต่เดิมคือบทละครรำ ต่อมามีการปรับปรุงละครรำให้ทันสมัยขึ้นตามความนิยมแบบตะวันตก จึงมีรูปแบบใหม่เกิดขึ้น ได้แก่ ละครดึกดำบรรพ์ ละครพันทาง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการรับรูปแบบละครจากตะวันตกมาดัดแปลงให้เข้ากับสังคมไทยและวัฒนธรรมไทย ทำให้การละครไทยพัฒนาขึ้นโดยมีกระบวนการแสคงที่แตกต่าง ไปจากละครไทยที่มีอยู่ มาเป็นละครร้อง ละครพูด และละครสังคีต”
................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
๕. “บทละครไทยเป็นอีกรูปเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของวรรณกรรมไทย บทละครของไทยเป็นวรรณกรรมที่ประพันธ์ขึ้นทั้งเพื่ออ่านและเพื่อแสดง รูปแบบที่นิยมกันมาแต่เดิมคือบทละครรำ ต่อมามีการปรับปรุงละครรำให้ทันสมัยขึ้นตามความนิยมแบบตะวันตก จึงมีรูปแบบใหม่เกิดขึ้น ได้แก่ ละครดึกดำบรรพ์ ละครพันทาง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการรับรูปแบบละครจากตะวันตกมาดัดแปลงให้เข้ากับสังคมไทยและวัฒนธรรมไทย ทำให้การละครไทยพัฒนาขึ้นโดยมีกระบวนการแสคงที่แตกต่าง ไปจากละครไทยที่มีอยู่ มาเป็นละครร้อง ละครพูด และละครสังคีต”
................................................................................................................................................
คำสั่ง จงเปลี่ยนคำจากภาษาไม่เป็นทางการต่อไปนี้ ให้เป็นภาษาทางการให้ถูกต้อง
ภาษาไม่เป็นทางการ
|
ภาษาทางการ
|
๑. โรงหนัง
|
|
๒. ใบรับรอง
|
|
๓. ใบขับขี่
|
|
๔. แสตมป์
|
|
๕. ตีตรา
|
|
๖. ผัวเมีย
|
|
๗. มอไซค์
|
|
๘. รถเมล์
|
|
๙. ตาย
|
|
๑๐. พูดโกหก
|
|
๑๑. อ้วก
|
|
๑๒. งานแต่ง
|
|
๑๓. งานศพ
|
|
๑๔. โลงศพ
|
|
๑๕. ห้องแอร์
|
|
๑. เกิดพสุธาไหวที่จังหวัดกาญจนบุรี
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
๒. แม่ครัวบ้านฉันเพิ่งออกลูก ฉันต้องทำอะไรเองเหนื่อยแทบตาย
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
๓. แม่อยากให้ดิฉันค้าขาย แต่บิดาอยากให้ดิฉันเป็นแพทย์
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
๔. อาภรณ์ไปเผาศพบิดาของเพื่อนที่วัดพระโขนง
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
๔. อาภรณ์ไปเผาศพบิดาของเพื่อนที่วัดพระโขนง
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
๕. นี่เจ้าจะกินบนรถหรือจะลงไปเจี๊ยะข้างล่าง
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………………
คำตอบหน่อยค่ะ
ตอบลบห้องแอร์
ลบขอคำตอบหน่อยค่ะะๆๆ
ตอบลบขอคำตอบหน่อยครับ
ตอบลบขอคำตอบบหน่อค่ะ
ลบ